Digital Trend 2014 by Edge Asia Academy
วันก่อนได้ share ข้อมูล อัพเดท ดิจิทัลเทรนด์ของ ปี 2014 ที่ทางทีมงาน Edge Asia Academy ได้จัดทำไว้ (บริษัทที่ผู้เขียนทำงานอยู่) เห็นว่าเป็นข้อมูลที่ดีมากๆ วันนี้ จึงถือโอกาส สรุปเนื้อหาคร่าวๆ ใน blog นี้ละกันค่ะ เผื่อใครมีเวลาน้อย ก็ดูสรุปจากที่นี่ได้เลยค่ะ
สามารถเข้าไป ดาว์นโหลด ข้อมูลได้ที่ https://www.dropbox.com/s/ki4ch4wjs7c4gg4/Digital%20Trend%202014.pdf
Edge Asia Academy ได้สรุป เทรนด์ของ ดิจิทัลปี 2014 ไว้ 2 หัวข้อใหญ่ๆ ได้แก่
Part 1 Consumer Behavior
Part 2 Digital Marketing
ซึ่ง รายละเอียดแต่ละส่วน สามารถสรุปคร่าวๆ ได้ ดังนี้ค่ะ
Part 1 Consumer Behavior
1.) Mobile World มือถือกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น และโดยส่วนใหญ่แล้ว ผู้คนจะเสพย์คอนเทนต์ผ่าน mobile device ต่างๆ
สิ่งที่ฝากถึงนักการตลาดคือ
- การปรับเวบไซด์หรือ online platform ของแบรนด์/สินค้า ให้เป็น responsive website หรือ รองรับการใช้งานผ่าน mobile
- ออกแบบและปรับคอนเทนต์ ให้ รองรับการดูผ่าน mobile device
- สร้างกิจกรรมการตลาดที่ให้ความสนใจกับผู้ที่ใช้งานผ่าน mobile มากขึ้น เช่น แบ่งงบโฆษณาออนไลน์มาลงที่ Mobile ad หรือ การสร้าง mobile application เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางการตลาด เป็นต้น (เพิ่มเติม จากผู้เขียน)
2.) Multi Screen อย่างที่เคยเอ่ยถึงใน blog ก่อนหน้านี้ ว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ได้เสพย์สื่อผ่านช่องทางเดียวอีกต่อไปแล้ว มันเป็นยุคที่ผู้คนเสพย์สื่อตัวเดียวกันแต่สามารถเสพย์หรือ กระจายสื่อได้หลายช่องทาง เช่น กรณี ฮอร์โมน ฟีเวอร์ ที่ซีรีย์เรื่องนี้ แม้จะไม่ได้ออกใน free TV แต่ก็ดังเป็นพลุระเบิด เพราะ ผู้คนสามารถเข้าไปดูได้ นอกจาก cable TV แล้ว ยังมี youtube และ website ต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ ขณะที่ชมอยู่ผู้คนก็สามารถกระพือกระแสฮอร์โมนได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการ post ผ่าน facebook หรือ tweet ผ่าน twitter เป็นต้น
สิ่งที่ฝากถึงนักการตลาดคือ การจะสร้างแคมเปญการตลาดออนไลน์ขึ้นมา ไม่ควรยึดติดหรือให้จบที่ช่องทางใด ช่องทางหนึ่ง แต่ควรคิดถึงในแง่ของ multi screen ด้วย
3.) Social Media Addicted ผู้เขียนเชื่อว่าหลายๆ คน ที่อ่านและตามมาถึงตรงนี้ ก็คงเริ่มสงสัยตัวเองบ้างแล้วล่ะ ว่าตัวเองเป็นคนเสพติด social media ด้วยหรือเปล่า จากสถิติต่างๆ เราพบว่า กรุงเทพเป็นเมืองที่มีผู้ใช้งาน Facebook มากที่สุดในโลก และเป็นอันดับ 2 ของโลก ใน Instagram สถานที่อย่างสยามพารากอน และสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสถานที่ที่ถูก Check-In บ่อยที่สุดบน Instagram ภาษาไทยเป็นหนึ่งในภาษายอดนิยมบน Twitter ประเทศไทยมีผู้ใช้งาน LINE 20 ล้านคน เป็นอันดับสองของโลก และอื่นๆ อีกมากมาย แค่นี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะบอกว่า “คนไทย เสพติด social network” และแน่นอน เราก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
4.) Digital Savvy ยุคนี้เป็นยุคที่วิถีชีวิตของเราต่างเกี่ยวเนื่องกับ ดิจิทัล อย่างแยกไม่ออก หรือบางครั้งเราไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็น การใช้งาน email, social networking , facebook หรือ แม้แต่การทำธุระกรรมออนไลน์ต่างๆ ที่ทั้งง่าย และ สะดวกต่อชีวิตเรามาก และที่น่าจับตามอง คือคนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตมากับการใช้งาน ดิจิทัล ที่ฝังรากมากับเค้าตั้งแต่เกิด หรือ Digital Native สิ่งที่ต้องคิดตามมาคือ นักการตลาดและนักโฆษณาออนไลน์ ที่เพิ่งมาเรียนรู้งานดิจิทัล จะตามพฤติกรรมและเข้าใจคนกลุ่มใหม่นี้ได้อย่างไร ??
Part 2 Digital Marketing
5.) Content Marketing Era Content Marketing ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ที่เพิ่งมาถูกพูดถึงเยอะมากในช่วงปีที่ผ่านมาและกลายเป็นเทรนด์การตลาดปัจจุบันก็เพราะธุรกิจและแบรนด์จำนวนมากสามารถมีสื่อของตัวเองได้ง่ายกว่าแต่ก่อน จากเดิมที่ต้องซื้อโฆษณาในสื่ออื่นๆ แต่ปัจจุบันสามารถมีช่องทางนำเสนอคอนเทนต์ตัวเองได้แล้ว แต่นั่นก็เลยเป็นความท้าทายใหม่ของแบรนด์ว่าจะทำคอนเทนต์อย่างไรให้คนสนใจและอยากติดตามกัน ซึ่งนั่นอาจจะไม่ได้ไปในแนวทางการคิดโฆษณาที่แทรกอยู่ในสื่อต่างๆ เหมือนแต่ก่อนคำถามน่าคิดของนักการตลาดหลังจากที่เราพยายามสร้างฐาน “ผู้ชม” อย่าง Facebook Fan และ Twitter Followers ในช่วงสองปีก่อนคือเราจะผลิตคอนเทต์แบบไหนที่จะสามารถสร้างประโยชน์จากกลุ่มผู้ชมนี้ได้ (และนั่นอาจจะทำให้หลายๆ แบรนด์พบความจริงที่น่ากลัวว่าได้เดินกลยุทธ์ที่จะสร้างฐานผู้ชมผิดมาตั้งแต่ต้นก็ได้) กระบวนการคิด Content Strategy จะกลายเป็นความท้าทายใหม่ของแบรนด์และเอเยนซี่ว่าจะดึงตัวแบรนด์ออกมาให้กลายเป็นคอนเทนต์ได้อย่างไร รวมทั้งการวิเคราะห์คุณภาพและมูลค่าของคอนเทนต์ที่ไปมากกว่าการดูแค่ยอด Like Comment และ Share (ผู้เขียนขออนุญาตดึงมาทั้งหมด เพราะ เนื้อหาส่วนนี้ค่อนข้างน่าสนใจค่ะ)
6.) Not only Facebook Marketing เราไม่สามารถปฎิเสธได้เลยว่า Facebook เป็นช่องทางที่เหมาะสมที่สุดในการทำการตลาดออนไลน์ แต่จากที่ผ่านมา เราก็เจอปัญหาจากการทำงานผ่าน Facebook เองเช่นกัน เนื่องจาก เราไม่ได้เป็นเจ้าของ platform โดยตรง ดังนั้น เมื่อไหร่ที่ทาง Facebook เปลี่ยน algorithm ก็จะกระทบต่อกิจกรรมทางการตลาดที่เราเล่นอยู่ในช่วงนั้น หลายครั้ง ที่เราต้องทนรับผลที่เกิดที่ขึ่น ซึ่งน้อยกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ จึงมีคำถามกลับมาว่า เป็นไปได้ไหม ที่เราจะใช้งาน platform ออนไลน์อื่นๆ ในการสร้างกิจกรรมออนไลน์ต่อจากนี้ไป หรือ การสร้างระบบนิเวศน์ของแบรนด์บนโลกออนไลน์เสียใหม่เพื่อให้มีครอบคลุมมากกว่าเดิม และเป็นการกระจายความเสี่ยงไปพร้อมๆ กันด้วย
สิ่งที่ฝากถึงนักการตลาดคือ การปรับตัวสู่ความหลากหลายทั้งในเรื่องเทคนิค วิธีการ ช่องทาง เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมที่หลากหลายและแตกต่างไปตาม Customer Journey แบบใหม่
7.) Real-Time Media อย่างที่ทราบกันดีว่า โลกดิจิทัลเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รูปแบบของการซื้อสื่อดิจิทัลหรือสื่อออนไลน์ก็เปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างสื่อโฆษณาออนไลน์นี้ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีในการซื้อสื่อโฆษณาที่จะสะดวกสบายยิ่งขึ้น สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถปรับแต่งได้มากกว่าเดิมเพื่อประสิทธิภาพที่สูงขึ้น นักการตลาดหรือมีเดีย เพลนเนอร์เอง จะได้ยินศัพท์นี้กันมากขึ้น ได้แก่ DSP : Demand Side Platform , RTB : Real Time Biding และ นอกจากการซื้อสื่อแล้ว เทคโนโลยีของการวัดผลและจัดเก็บข้อมูลเองก็จะเป็นอีกด้านที่สำคัญไม่แพ้กันเพราะความต้องการที่จะวัดคุณภาพของการใช้สื่อโฆษณาจะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่า เราจะมีเทคโนโลยีที่ สะดวกต่อการวางแผน-ซื้อสื่อได้ง่าย และ วัดผลได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น
8.) Social Listening ยุคนี้เป็นยุคแห่งการแชร์ความคิดเห็น ชอบก็แชร์ ไม่ชอบก็แชร์ ซึ่งข้อมูลที่ผู้บริโภคถ่ายทอดออกมานี้ ทำยังไง แบรนด์ถึงจะสามารถรับรู้ได้ และนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เครื่องมืออย่าง Social Listening จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยนักการตลาดในการรวบข้อมูลเหล่านี้และอัพเดทให้อย่างต่อเนื่อง เพื่อที่นักการตลาดจะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์ได้อย่างทันท่วงที และนั่นทำให้ Social Listening จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ในปี 2014 เลยทีเดียว
9.) Big Data ข้อดีที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของงานโฆษณา หรือ การตลาดผ่านระบบ ดิจิทัล คือ การที่เราสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างแม่นยำ และยังสามารถเก็บข้อมูลได้มากมายหลากหลายรูปแบบ คำถามที่ตามมาคือ เราจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้ ได้อย่างไร ??
เพื่อถอดรหัสพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายตัวเอง ตลอดไปจนถึงการประเมินผลและวิเคราะห์สถานะของตัวเองไปพร้อมๆ กัน เราจำเป็นต้องมองหาเครื่องมือ เช่นซอฟท์แวร์ที่เก็บฐานข้อมูลต่างๆ ได้มาก โปรแกรมประมวลผล ตลอดจนนักวิเคราะห์ที่เชี่ยวชาญเรื่องสถิติและตัวเลข เป็นต้น
10.) Digital Out of Home การเข้าถึงสื่อของผู้บริโภคจะไม่ได้ยึดติดแค่เพียงหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกต่อไปแล้ว เพราะ ในปี 2014 จะมีเทรนด์การคิดแคมเปญการตลาดดิจิทัลแบบออกไปสู่ท้องถนน หน้าจอที่ 3 กลายเป็นช่องทางเข้าถึงอินเทอร์เนตทุกที่ทุกเวลา โทรศัพท์มือถือก็สามารถเป็นอุปกรณ์ที่ทำสิ่งต่างๆ ได้มากมายเช่นการเก็บข้อมูลสถานที่ นับจำนวนก้าว ฯลฯ ซึ่งนั่นกลายเป็นเครื่องมือของการคิดสร้างสรรค์การตลาดวิธีใหม่ๆ ได้อีกมากทีเดียว
นี่คือ 10 เทรนด์ที่เรามองไว้สำหรับปีหน้าค่ะ แล้วจะมาอัพเดทเรื่องราวใหม่ๆ อีกนะคะ เจอกันปีหน้า Happy New Year ค่ะ 🙂
About Edge Asia
Edge is the only advertising network born in the Digital Age of Southeast Asia. Our heritage is here in our region. We are founded by entrepreneurs who have built businesses for the unique demands of consumers and global brand owners in the markets where we operate. We are not a legacy network trying to force fit old-world thinking into the high growth, early adopter markets of SE Asia.We combine a street-smart understanding of our region’s vast and growing population of digital citizens with deep executional expertise in disciplines across the entire landscape of paid, earned and owned platforms.We now have over 450 specialists working out of offices in Ho Chi Minh City, Hanoi, Bangkok,Kuala Lumpur, Jakarta and Singapore.
About Edge Asia Academy
We have worked really hard over the past ten years to grow our expertise in the digital industry. EDGE ASIA ACADEMY has been born out of our desire to share our combined knowledge and experience of the ever changing digital landscape. Through our learning centre, we hope to help educate and guide you to meet the digital challenges of today and the opportunities of tomorrow.
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก
https://www.dropbox.com/s/ki4ch4wjs7c4gg4/Digital%20Trend%202014.pdf
Oak Somwong 